You are currently viewing อาการจุกเสียดแน่นท้อง เสี่ยงไขมันพอกตับ อันตรายถึงชีวิต

อาการจุกเสียดแน่นท้อง เสี่ยงไขมันพอกตับ อันตรายถึงชีวิต

สำหรับคนที่กำลังเผชิญกับอาการจุกเสียดแน่นท้อง และอาจมองว่ามาจากสาเหตุของโรคกรดไหลย้อน จนมักชะล่าใจ คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวก็หาย แต่หารู้ไม่ ภาวะเหล่านี้เป็นอีกสัญญาณเตือนของอันตรายร้ายแรง อย่าง “ภาวะไขมันพอกตับ” ที่กำลังบ่อนทำลายสุขภาพของคุณอยู่

ไขมันพอกตับ ต้นเหตุอาการเสียดท้องเกิดจากอะไร ?

ไขมันพอกตับ เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันไปใช้ได้หมด จึงเกิดการสะสมในตับเป็นจำนวนมาก โดยไขมันส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานอาหารประเภท น้ำตาล แป้ง และไขมัน เมื่อร่างกายมีปริมาณไตรกลีเซอไรด์มากเกินไป จะเกิดการสะสมเป็นเนื้อเยื่อไขมันในเซลล์ตับ จนทำให้เกิดเป็น “ภาวะไขมันพอกตับ” นั่นเอง

อันตรายจากภาวะไขมันพอกตับ

หากมีอาการจุกเสียดท้องจาก “ไขมันพอกตับ” แล้วชะล่าใจ ไม่ใส่ใจสุขภาพ ไขมันที่แทรกตัวอยู่ในเซลล์ตับจะมีปริมาณเยอะมากขึ้น และทำลายเซลล์ตับ ต่อจากนั้นจะพัฒนาเป็นภาวะอันตรายอย่าง ​“ตับแข็ง” และอาจร้ายแรงถึงขั้น “มะเร็งตับ” ส่งผลให้เสียชีวิตได้ในที่สุด

ความแตกต่างระหว่างภาวะไขมันพอกตับกับโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลายคนเกิดความชะล่าใจ และไม่เข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับตับ รวมถึงละเลยการบำรุงรักษาสุขภาพตับอย่างเหมาะสม เพราะด้วยความเข้าใจผิด คิดว่าอาการจุกเสียดท้อง มีสาเหตุมาจากโรคกระเพาะ หรือกรดไหลย้อน และไม่คาดคิดว่าตนเองจะมีความเสี่ยงเป็นไขมันพอกตับ จึงเกิดการใส่ใจสุขภาพผิดจุด ส่งผลให้เมื่อรู้ตัวอีกทีก็อาจสายเสียแล้ว

ดังนั้น หากมีอาการจุกเสียดแน่นท้อง คล้ายกรดไหลย้อน ควรเช็กสุขภาพอย่างเร่งด่วน ว่ามีสาเหตุเกิดจากกระเพาะ กรดไหลย้อน หรือไขมันพอกตับกันแน่ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการเบื้องต้น ดังนี้

อาการของโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน

  • มีอาการจุกเสียด แสบที่บริเวณลิ้นปี่
  • ปวดท้อง อืดท้อง บริเวณช่องท้องส่วนบนหรือสะดือ มักสัมพันธ์กับมื้ออาหาร เช่น มักเป็นก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร เป็นต้น
  • คลื่นไส้ อาเจียน อิ่มง่าย
  • รู้สึกเหมือนอาหารตีย้อนกลับขึ้นที่คอ
  • เรอเปรี้ยว หรือแสบร้อนบริเวณหน้าอกร่วมด้วย
  • สามารถแก้อาการจุกท้องได้ด้วยการรับประทานยาลดกรด หรือยากระเพาะ 

อาการของภาวะไขมันพอกตับ

  • ท้องอืด จุกเสียดแน่นท้องบ่อย
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • ไม่อยากอาหาร รับประทานข้าวนิดหน่อยก็จุกแน่น
  • รู้สึกตึง หรือเจ็บชายโครงขวา
  • รับประทานยาลดกรด หรือยากระเพาะแต่ไม่หาย
  • ผิวและตาเหลือง
  • ปัสสาวะสีเข้มผิดปกติ
  • ผิวหนังคัน ช้ำ หรือมีเลือดออก

หากใครลองเช็กแล้วพบอาการเหล่านี้ หรือสังเกตเห็นความผิดปกติที่เข้าข่ายภาวะไขมันพอกตับ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับตับ รวมถึงหันมาใส่ใจสุขภาพด่วน ด้วยการออกกำลังกาย ลดการรับประทานของหวาน ของมัน ของทอด ควรเลือกรับประทานอาหารและสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อตับ เช่น เห็ดหลินจือ ขมิ้น โสม อาร์ทิโชก แดนดิไลออน เป็นต้น

เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพของตับ เราขอแนะนำ ลิฟพลัส (Livplus) ซึ่งมีสารสกัดธรรมชาติ ถึง 12 ชนิด เช่น อาร์ทิโชก แดนดิไลออน ขมิ้น และโสมเกาหลี ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างน้ำดีในการช่วยย่อย ให้ตับและระบบทางเดินอาหารกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สนใจสอบถาม โทร. 098-264-2464 หรือทักแชตเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Livplusthailand หรือ Line OA : @livplusthailand

ข้อมูลอ้างอิง :

  1. ไขมันพอกตับ ภัยเงียบที่ไม่รู้ตัว. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 จาก https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/fatty-liver-2
  2. อาการที่ควรรู้ของไขมันพอกตับ. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 จาก https://ch9airport.com/th/อาการที่ควรรู้ของไขมัน/

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งซื้อสินค้า

ใส่ความเห็น