ภาวะต้องสงสัย หากมีภาวะเหล่านี้ เสี่ยงตับมีปัญหาลองเช็คด่วน!
ภาวะบางอย่างอาจดูเป็นภาวะใกล้ตัวที่หลายคนมักมองข้าม เพราะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ง่าย
แต่รู้หรือไม่ว่า ภาวะร้ายบางอย่างอาจแฝงมากับภาวะเหล่านี้ ที่คุณมองข้ามก็เป็นได้
ดังนั้นมาลองเช็คไปพร้อมกันดีว่าค่ะ ว่าคุณกำลังเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่ หากเป็นรีบพบแพทย์ด่วน!
.
1.ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง
ภาวะใกล้ตัวที่คุณมองข้ามเพราะคิดว่าอาจทำงานเยอะ หรือพักผ่อนน้อย
แต่จริงๆ แล้วเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่า “ตับของคุณกำลังอักเสบ” โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อ
“ไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ” การดื่มสุราจนทำให้เกิด ”โรคตับเรื้อรัง” โรคอ้วนจนมีไขมันคั่งในเนื้อตับปริมาณมาก
และการรับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรบางชนิด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีสารเหล่านี้ตกค้าง
จนทำให้เกิด ”ตับอักเสบ” ทำให้ตับผลิตพลังงาน และสารที่จำเป็นต่อร่างกายได้ลดลง จึงเกิดการอ่อนเพลียเรื้อรังได้
.
2.ภาวะท้องอืด แน่นท้อง เหมือนมีกรดไหลย้อน
หลายคนอาจคิดว่าเป็นกระเพาะ เกิดจากการทานอาหาร แต่หากเป็นบ่อย ทานยาลดกรดก็ไม่หาย
แสดงว่า “ตับ ”กำลังมีปัญหา อาจเป็น ”ไขมันพอกตับ” ได้ เพราะตับทำงานร่วมกับอวัยวะอื่นๆ
เช่น กระเพาะอาหาร เมื่อตับที่มีหน้าที่ผลิตนำ้ดีผิดปกติ ระบบการย่อยอาหารก็จะเสียสมดุล จะย่อยอาหารได้น้อยลง
อาหารจึงตกค้างในกระเพาะอาหาร และเมื่อทานอาหารเพิ่มก็จะรู้สึกแน่นท้อง ก็จะเกิดการหมักหมมนานเข้า
จะเกิดแก๊สในกระเพาะ ทำให้ท้องอืด แน่นท้อง เหมือนกรดไหลย้อน ต่อให้ทานยาเท่าไหร่ก็ไม่หาย และยาที่ทานเข้าไปยิ่งไป
สะสมและทำร้ายตับเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
.
3.เจ็บชายโครงขวา
ในบางคนอาจเจ็บๆ หายๆ บางคนอาจเป็นบ่อยจนรู้สึกรำคาญ หากกำลังเป็นอาการแบบนี้อยู่ อย่ามองข้าม
เพราะบ่งบอกว่าตับคุณ กำลังเป็น”ไขมันพอกตับ” แม้อาจไม่มีอาการรุนแรง แต่หากสะสมนานเข้า
อาจเสี่ยง ”ตับแข็ง” และเกิด ”มะเร็งตับ” ได้ ดังนั้นควรรีบพบแพทย์ด่วน!
.
4.ตัวเหลือง ตาเหลือง
หากมีภาวะเหล่านี้ แสดงว่า “ตับกำลังมีปัญหา” โดยตัวเหลือง ตาเหลือง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
.
4.1 เกิดจากสารสีเหลืองบิลิรูบิน (Bilirubin)
ที่เกิดจากการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งปกติมีอายุประมาณ 120 วัน แต่ถ้ามีความผิดปกติ
ก็อาจจะแตกตัวตายเร็วกว่าอายุขัย ทำให้ในร่างกายยิ่งเกิดการผลิตสารตัวนี้สูงขึ้น และหาก”ตับ”
ที่มีหน้าที่กำจัดสารตัวนี้ มีปัญหา ก็จะไม่สามารถกำจัดสารตัวนี้ได้หมด
พอสารสีเหลืองมีการสะสมมากขึ้นทุกวัน จะกระจายไปตามเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย
โดยเฉพาะที่ผิวหนังและเยื่อตา ทำให้มีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองตามมานั่นเอง
นอกจากนี้ มักจะมีอาการคันตามร่างกาย เบื่ออาหาร มีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมได้
.
4.2 เกิดจากไวรัสตับอักเสบบี
เป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคน แต่ไม่รู้ตัว เพราะมักไม่แสดงอาการ และทราบได้โดยการตรวจเลือดเท่านั้น
ซึ่งแต่บางรายอาจเป็นมานานและอาการเริ่มรุนแรง จะเริ่มแสดงอาการ เช่นบางครั้งอาจจะมีอาการไข้ต่ำๆ
อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารร่วมด้วย หลังจากนั้น ก็จะเริ่มเกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลืองตามมา
ให้ลองสังเกตเวลาปัสสาวะว่ามีสีเหลืองเข้มด้วยหรือไม่ เพราะหากรุนแรงมากขึ้นมีโอกาสที่จะเกิดอาการ
ตับวายและเสียชีวิตในที่สุด
.
4.3 เกิดจากมะเร็ง
ภาวะร้ายที่ทุกคนไม่อยากพบเจอ มะเร็งก็สามารถทำให้เกิดภาวะตัวเหลือง ตาเหลืองได้
ซึ่งได้แก่ มะเร็งท่อน้ำดี, มะเร็งตับ, มะเร็งเนื้อเยื่อบริเวณรูเปิดของท่อน้ำดี, มะเร็งลำไส้เล็กดูโอนัม (Duodenum)
ส่วนที่สอง และมะเร็งท่อน้ำดีร่วมส่วนปลาย ซึ่งอาการเริ่มต้นที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนคือ
ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เริ่มสังเกตได้ที่ตาขาวก่อนที่จะมีลักษณะค่อยๆ เหลืองขึ้นเรื่อยๆ
หากพบว่าเริ่มมีอาการอย่างที่กล่าวมา ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
.
หากคุณเช็คแล้วเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งใน 4 ข้อนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ด่วน ก่อนสายเกินแก้
หรือหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยดูแลตับ ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น ลิฟพลัส ที่มีสารสกัดที่ดีต่อตับกว่า 12 ชนิด
สอบถาม โทร : 098-264-2464 หรือ LINE : @livplusthailand
หรือคลิก >> http://bit.ly/LINE-LIV_031
.
.
ข้อมูลอ้างอิง :
-https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1132
-https://ngthai.com/science/21292/digestivesystem/
-https://www.paolohospital.com/th-TH/phahol/Article/Details/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%9A/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87
-https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/january-2010/fatty-liver-disease-silent-but-serious-threat-1