You are currently viewing “ไขมันพอกตับ” เป็นง่าย แค่กินอาหารก็เป็นได้ เสี่ยงลุกลามสู่ภาวะร้าย “มะเร็งตับ”

“ไขมันพอกตับ” เป็นง่าย แค่กินอาหารก็เป็นได้ เสี่ยงลุกลามสู่ภาวะร้าย “มะเร็งตับ”

“ตับ”เปรียบเสมือนโรงงานใหญ่ภายในร่างกาย ที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษ, ควบคุมระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย สังเคราะห์และหลั่งเอนไซม์ เพื่อช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร ให้ส่วนต่างๆ
ของร่างกายนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น, และผลิตน้ำดี เพื่อช่วยย่อยอาหารประเภทไขมันก่อนส่งผ่านไปสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น เป็นต้น จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ชัดเจนว่าตับนั้นทำหน้าที่หลายอย่าง
และยังทำหน้าที่ร่วมกับอวัยวะอื่นๆในร่างกายอีกด้วย ดังนั้นหาก “ตับพัง” ชีวิตเราก็อาจดับได้

.

ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมองข้ามการดูแลใส่ใจสุขภาพตับ และใช้ชีวิตประจำวันที่ทำร้ายตับโดยไม่รู้ตัว เช่น การกินอาหารตามใจปาก กินอาหารทอด อาหารมัน อาหารหวาน และการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

ซึ่งพฤติกรรมการกินอาหารเหล่านี้ หากทำอย่างต่อเนื่องนานๆเข้า หรือกินมากเกินปริมาณที่ร่างกายรับได้ต่อวัน จะทำให้ร่างกายไม่สามารถนำไขมันไปใช้ได้หมด จนเกิดการสะสมไขมันส่วนเกินที่ตับ

และก่อให้เกิด ”ภาวะไขมันพอกตับ” ได้ ผู้ที่ป่วยเป็นไขมันพอกตับส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว เพราะไขมันพอกตับมักไม่แสดงอาการ แต่ก็มีบางรายที่แสดงอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งหากรู้ตัวไวก็สามารถรักษาได้ทัน

แต่หากรู้ตัวช้าก็อาจสายเกินแก้อาจร้ายแรงถึงขั้นเป็น “มะเร็งตับ” ได้

.

“ภาวะไขมันพอกตับ” แบ่งได้ 4 ระยะ ดังนี้

ระยะแรก เป็นระยะที่มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อตับ แต่ยังไม่มีการอักเสบหรือพังผืดเกิดขึ้นในตับ ซึ่งยังไม่รุนแรงมาก

ระยะที่สอง เป็นระยะที่เริ่มมีอาการอักเสบของตับ ในระยะนี้หากไม่ควบคุมดูแลให้ดี และปล่อยให้การอักเสบดำเนินไปเรื่อยๆ

เกิน 6 เดือนอาจกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังได้

ระยะที่สาม การอักเสบรุนแรง ก่อให้เกิดพังผืดในตับ เซลล์ตับค่อยๆ ถูกทำลายลง

ระยะที่สี่ เซลล์ตับถูกทำลาย ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป ก่อให้เกิด “ตับแข็ง” และจะพัฒนากลายเป็น “มะเร็งตับ” ได้ในที่สุด

.

สังเกตได้อย่างไรว่าเป็นไขมันพอกตับ?

อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ แต่งบางรายก็แสดงอาการเพียงเล็กน้อย ดังนั้นทางที่ดีควรตรวจสุขภาพตับทุกปี หรือเช็คอาการเบื้องต้นได้ดังนี้

1.กินข้าวไม่กี่คำก็แน่นท้อง อืดท้อง

2.เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียบ่อย

3.มักเจ็บชายโครงด้านขวา

หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพตับ

.

วิธีการป้องกัน และลดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิด “ไขมันพอกตับ”

1.ควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่าตามใจปากมากจนเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารจำพวก อาหารทอด อาหารมัน ของหวาน เช่น เค้ก กาแฟ ลอดช่องน้ำกะทิ เป็นต้น

2.ควรออกกำลังกาย อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง หากผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ อาจออกกำลังกายเบาๆ เท่าที่ทำได้

3.หากไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยดูแลตับได้ เช่น “ลิฟพลัส” มีสมุนไพรที่ดีต่อตับถึง 12 ชนิด ไม่ตกค้าง ดูแลตับให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

ดังนั้นอย่าละเลย และหมั่นดูแลสุขภาพตับกันด้วยนะคะ ด้วยความห่วงใยจากลิฟพลัสค่ะ

หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร : 098-264-2464 หรือ LINE : @livplusthailand หรือคลิก >> http://bit.ly/LINE-LIV_031

.

ข้อมูลอ้างอิง

โรงพยาบาลเปาโลโชคชัย 4 : https://www.paolohospital.com/th-TH/chokchai4/Article/Details/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%9A/3-%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E2%80%A6%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87

โรงพยาบาลกรุงเทพ: https://www.bangkokhospital.com/content/liver-failure

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ : https://www.thonburihospital.com/NAFLD.html

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งซื้อสินค้า

ใส่ความเห็น