มะเร็งตับ ถือเป็นภัยเงียบอีกหนึ่งโรค ที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในประเทศไทย ซึ่งมะเร็งตับ มักพบบ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิง (เพศชาย ประมาณ 34%, เพศหญิง ประมาณ 13%)
มะเร็งตับแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1. เกิดขึ้นที่ตับโดยตรง สาเหตุของมะเร็งที่เกิดขึ้นกับตับโดยตรง มักพบจากผู้ป่วยมีประวัติเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ตับอักเสบจากไขมันพอกตับ และดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
2. เซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นจากส่วนอื่นลุกลามมายัง “ตับ”
ปัจจัยและสาเหตุของการเกิด “มะเร็งตับ”
1.การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ผู้ป่วยที่มีปริมาณเชื้อไวรัสตับอักเสบบีสูง ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ และตับแข็งตามมาได้สูงกว่า รวมถึงมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งตับได้สูงถึง 3-8% ต่อปี
2.การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง สำหรับในประเทศไทย พบว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งตับร้อยละ 10-20 ผู้ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ คนที่มีประวัติฉีดยาเสพติดเข้าเส้นเลือด หรือการเจาะ/สักตามตัวโดยใช้เข็มที่ไม่สะอาด ทำให้มีโอกาสรับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเข้าสู่ร่างกาย
3. ภาวะตับแข็งจากสาเหตุต่างๆ เช่น การดื่มสุราเป็นประจำ ภาวะไขมันเกาะในตับ เป็นต้น ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีเอนไซม์ตับ (AST, ALT) สูงกว่าปกติจากภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้การทำงานของตับแย่ลงเรื่อยๆ จนเกิดภาวะตับแข็ง
4. ภาวะไขมันเกาะในตับ ซึ่งเป็นอีกภาวะหนึ่งที่หน้าจับตามอง เนื่องจากมักพบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมของคนในปัจจุบันที่ออกกำลังกายน้อยลง และชอบทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง เช่น ของทอด ของมัน ปิ้งย่าง ชานม เป็นต้น จึงทำให้เกิดภาวะตับแข็ง และมะเร็งตับได้เช่นกัน
ภาวะของ “มะเร็งตับ”
มะเร็งตับ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถือว่าเป็นภัยเงียบ ทำให้ในระยะแรก มักไม่แสดงอาการ แต่เมื่อเป็นหนักมากขึ้นอาจมีอาการ ดังนี้
-เจ็บชายโครงขวา ในบางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่หลังหรือไหล่
-ท้องบวมขึ้น
-น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
-เบื่ออาหาร ไม่รู้สึกอยากอาหาร
-รู้สึกอ่อนเพลีย
-มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ
-คลำพบก้อนที่บริเวณตับ
-ตัวเหลืองและตาเหลือง
ซึ่งการรักษามะเร็งตับ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ขนาด และ จำนวนก้อนในตับ การกระจายของโรค ค่าการทำงานของตับ และสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ป่วย โดยหากเป็นมะเร็งในระยะเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายขาดได้โดย การผ่าตัดตับเอาก้อนมะเร็งออก (hepatic resection) หรือ จี้ทำลายก้อนมะเร็ง (ablation) หรือ การผ่าตัดเปลี่ยนตับ (liver transplantation) หากเป็นมะเร็งระยะลุกลาม เป้าหมายเพื่อชะลอการโตของก้อนมะเร็ง และป้องกันการเกิดผลแทรกซ้อน โดยการฉีดยาและอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อน หรือ การฉายแสง, การให้ยากินเพื่อประคับประคองมะเร็งตับ และการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีตามที่แพทย์สั่ง
หากละเลย อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ ทำให้อาการรุนแรงที่อันตรายถึงชีวิต ดังต่อไปนี้ขึ้นได้
1.”ตับวาย” เพราะเนื้อเยื่อตับจะถูกทำลาย ทำให้ตับไม่สามารถกำจัดพิษจากร่างกายได้ อาจนำมาสู่โรคสมองที่มีสาเหตุจากตับ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของมะเร็งตับ
2.มะเร็งตับ ยังนำไปสู่ภาวะ “ไตวาย” ได้เช่นกัน เมื่อตับแย่ลง จะส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในระบบไหลเวียนส่วนที่หล่อเลี้ยงลำไส้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของการไหลของเลือดและสภาพของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตจึงเสี่ยงไตวาย
3.“การแพร่กระจายของมะเร็ง” เมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปยังเยื่อบุช่องท้อง ที่มีสาเหตุให้เกิดท้องมาน หรือแพร่กระจายไปยังปอด เข้าไปถึงเยื้อหุ้มปอด อาจนำไปสู่ภาวะน้ำในเยื้อหุ้มปอดเป็นเลือดได้
.
จากที่กล่าวมา มะเร็งตับ ถือเป็นภัยเงียบที่อันตรายอย่างมาก ดังนั้นอย่างละเลย หากเพิ่งเริ่มมีภาวะตับ ควรรีบหันมาใส่ใจตับก่อนสายเกินแก้
หรือสำหรับผู้ที่มีภาวะตับอยู่ก่อนแล้ว อย่าละเลยและใส่ใจสุขภาพตับให้มากขึ้นเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นค่ะ
.
ลิฟพลัส ใส่ใจตับ มีสารสกัดที่ดีต่อตับ 12 ชนิด เช่น อาร์ติโช๊ค, แดนดิไลออน, โสมเกาหลี, เห็ดหลินจือ, ขมิ้น เป็นต้น
✅ เสริมการทำงานของตับทั้งระบบ
✅ ท้องอืด แน่นท้อง
✅ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
✅ เจ็บชายโครงขวา
✅ ท้องป่อง ท้องมาน
✅ ไขมันพอกตับ
✅ เสริมการทำงานของตับทั้งระบบ
.
สนใจสอบถาม โทร : 098-264-2464 หรือ LINE : @livplusthailand หรือคลิก >> http://bit.ly/LINE-LIV_031
ข้อมูลอ้างอิง :
โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ : https://bit.ly/3iawUww
โรงพยาบาลรามาธิบดี : https://bit.ly/3MTXIiI
โรงพยาบาลสินแพทย์ : https://bit.ly/3IhzlYC
วิกิพีเดีย : https://bit.ly/3KLU7Bu
Hospital Authority : https://bit.ly/3w8he4Q
พบแพทย์ : https://bit.ly/3IevMm6
โรงพยาบาลสมิติเวช : https://bit.ly/35WGZup
