You are currently viewing อาการท้องมาน สัญญาณเตือนเกี่ยวกับโรคตับที่ไม่ควรมองข้าม !

อาการท้องมาน สัญญาณเตือนเกี่ยวกับโรคตับที่ไม่ควรมองข้าม !

Table of Contents

ในทุก ๆ วัน ร่างกายของเราต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากมาย ทั้งจากสิ่งที่เรากิน หรือแม้แต่การที่ร่างกายสะสมสารพิษที่เกิดจากการใช้ชีวิตอย่างไม่ระมัดระวัง ซึ่งบางครั้ง ผลข้างเคียงอาจไม่แสดงออกมาทันที หรือแสดงออกผ่านอาการที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เช่น การบวมของท้อง หรือที่หลายคนเรียกว่า ท้องมาน แต่ในความจริงแล้ว อาการท้องมานเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งอาจเกิดจากโรคร้ายแรงหลายชนิด โดยเฉพาะโรคตับและระบบทางเดินอาหาร

โรคท้องมานคืออะไร ?

อาการท้องมาน หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “Ascites” เป็นภาวะที่มีการสะสมของของเหลวในช่องท้อง ทำให้ท้องขยายใหญ่ผิดปกติ  ซึ่งมักเป็นผลมาจากความผิดปกติของการทำงานของตับ สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือ โรคตับแข็ง (Cirrhosis) ที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดในตับผิดปกติ ส่งผลให้เกิดแรงดันสูงในหลอดเลือดดำพอร์ทัล (Portal Hypertension) และกระตุ้นให้ของเหลวรั่วออกมาสะสมในช่องท้อง

นอกจากนี้ โรคท้องมานยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคมะเร็งตับ (Hepatocellular Carcinoma) ที่ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดในตับ ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด หรือการติดเชื้อในช่องท้อง อย่างวัณโรคช่องท้อง (Tuberculous Peritonitis)

อาการท้องมาน เป็นอย่างไร ?

  • ท้องบวมจนเห็นได้ชัดเจน
  • อาจมีอาการเสียดท้องหรือแน่นท้อง เนื่องจากของเหลวที่สะสมจะไปกดทับอวัยวะต่าง ๆ ในช่องท้อง เช่น ลำไส้และกระเพาะอาหาร
  • ในบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก เนื่องจากการบีบอัดของเหลวที่สะสมในท้องไปกดทับกระบังลม หรืออาจมีอาการขาบวมจากการที่ของเหลวไหลเวียนไม่สะดวก
  • บางครั้งอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีอาการเจ็บปวด แต่ท้องจะบวมขึ้นเรื่อย ๆ

การรักษาและการดูแลโรคท้องมาน

การรักษาอาการท้องมานจำเป็นต้องอิงตามสาเหตุที่แท้จริงของโรค โดยแนวทางการรักษามักประกอบด้วย

  • การใช้ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) เพื่อช่วยลดปริมาณของเหลวที่สะสมในช่องท้อง โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาประเภทนี้ในกรณีที่ยังสามารถควบคุมได้
  • การเจาะระบายของเหลว (Paracentesis) เป็นวิธีการระบายของเหลวออกจากช่องท้องโดยการเจาะผ่านผนังหน้าท้อง เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการท้องบวมอย่างรุนแรงจนกระทบต่อการหายใจหรือการเคลื่อนไหว แต่การรักษานี้เป็นเพียงการบรรเทาอาการ ไม่สามารถแก้ไขต้นเหตุของโรคได้
  • การรักษาโรคตับที่เป็นต้นเหตุ ด้วยการใช้ยาลดการอักเสบ การป้องกันและรักษาภาวะแทรกซ้อนของตับแข็ง หรือการใช้ยาควบคุมแรงดันในหลอดเลือดดำพอร์ทัล
  • การผ่าตัดหรือการรักษามะเร็งตับ ในกรณีที่พบมะเร็งตับเป็นต้นเหตุของโรค อาจต้องใช้วิธีการผ่าตัดหรือการรักษาแบบอื่น เช่น การทำ TACE (Transarterial Chemoembolization)
  • การปลูกถ่ายตับ (Liver Transplantation) เป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ตับมีความเสียหายรุนแรงจนไม่สามารถฟื้นฟูได้

แพทย์กำลังอธิบายว่าอาการท้องมานเกี่ยวกับโรคตับอย่างไร

การดูแลสุขภาพตับเพื่อป้องกันโรคท้องมาน

หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง หรืออาหารที่มีสารเคมีตกค้าง

อาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดหรือฟาสต์ฟูด เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาตับในระยะยาว ในขณะเดียวกัน การหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจมีสารเคมีตกค้าง เช่น ผักและผลไม้ที่ปนเปื้อนสารกำจัดศัตรูพืช หรืออาหารแปรรูปที่มีสารกันบูด ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดภาระของตับในการกำจัดสารพิษได้

หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะตับแข็งและตับอักเสบเรื้อรัง ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพตับจึงควรจำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ หรือหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดหากมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับตับอยู่แล้ว

ไม่ใช้สารเคมีหรือยาที่ส่งผลเสียต่อตับ

การใช้ยาโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ เช่น ยาแก้ปวดในกลุ่มพาราเซตามอลในปริมาณสูง หรือสารเคมีอื่น ๆ ที่อาจสะสมในร่างกาย อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ตับทำงานหนักเกินไป ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาและหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่เป็นอันตราย

ตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ

เช่น การตรวจค่าการทำงานของตับ (Liver Function Test) หรือการอัลตราซาวด์ช่องท้อง จะช่วยให้ตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ทำให้สามารถรักษาได้ทันเวลาและลดความเสี่ยงของภาวะที่รุนแรงกว่า

บริโภคอาหารเสริมบำรุงตับที่มีคุณภาพ  

เช่น อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ หรือสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ที่สามารถช่วยเสริมการทำงานของตับ เพิ่มความสามารถในการกำจัดสารพิษ และลดความเสี่ยงต่อภาวะตับอักเสบ

อยากห่างไกลจากอาการท้องมาน เลือกลิฟพลัส (Livplus) ให้เป็นผู้ช่วยดูแลตับของคุณ

Livplus นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผสานพลังสารสกัดจากธรรมชาติ 100% พร้อมมาตรฐานส่วนผสมที่ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยว่ามีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูระบบสำคัญทั้ง 3 ระบบของร่างกาย ช่วยบำรุงตับและระบบทางเดินอาหารให้แข็งแรง ลดอาการแน่นท้องที่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากตับที่กำลังมีปัญหา

อย่าปล่อยให้อาการแน่นท้องกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เริ่มต้นดูแลสุขภาพตับของคุณกับ Livplus สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้แล้ววันนี้ที่หน้าเว็บไซต์ หรือทักแชตมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Livplusthailand หรือ Line OA: @Livplusthailand

ข้อมูลอ้างอิง

ความรู้เรื่องตับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งซื้อสินค้า

ใส่ความเห็น