Table of Contents
ผู้ที่มีภาวะพุงป่องหรือท้องบวมลักษณะเหมือนคนท้อง อาจไม่ใช่แค่อ้วนลงพุงธรรมดา แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงหลายชนิด มาทำความเข้าใจถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน รวมถึงใส่ใจการดูแลสุขภาพอย่างเร่งด่วน เพื่อห่างไกลจากโรคร้ายก่อนสายเกินไป
พุงป่องเหมือนคนท้อง สัญญาณเตือนของโรคอะไรบ้าง ?
โรคอ้วนลงพุง
ภาวะอ้วนลงพุงมีสาเหตุมาจากการสะสมไขมันในช่องท้องมากเกินไป ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง รวมถึงขาดการออกกำลังกาย และยังมีปัจจัยทางพันธุกรรมร่วมด้วย
ผู้ที่เป็นโรคอ้วนลงพุง จะมีหน้าท้องโตหรือท้องป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด เอวมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อรูปร่างแล้ว ยังเสี่ยงต่อโรคอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
โรคไขมันพอกตับ
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือมีน้ำตาลในปริมาณมาก รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาบางชนิด นอกจากจะส่งผลให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ยังจะก่อให้เกิดการสะสมของไขมันในตัวมากจนเกินไป ทำให้กลายเป็นไขมันพอกตับ จนตับไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
อาการของโรคมักไม่แสดงให้เห็นในระยะแรก แต่ถ้ามีการสะสมของไขมันมากขึ้น จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียง่าย ปวดท้องด้านขวาบน ท้องแข็งเป็นก้อน ทั้งที่ไม่ได้ท้อง หรือคลำพบตับโต หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบและตับแข็งได้
โรคตับแข็ง
โรคตับแข็งเกิดจากการที่เนื้อตับถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นพังผืด และสภาพเสียหายเกินกว่าที่จะทำงานได้ตามปกติ ซึ่งมักมีสาเหตุหลักมาจากการเป็นไขมันพอกตับ หรือการดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง รวมถึงไวรัสตับอักเสบ B และ C
ในระยะแรก อาการของโรคมักไม่แสดงออกให้เห็นชัดเจน แต่เมื่อตับถูกทำลายมากขึ้น จะก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องบวม ตัวเหลือง ตาเหลือง และเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร หรือนำไปสู่ภาวะตับวายได้
โรคมะเร็งตับ
โรคมะเร็งตับ มักเกิดขึ้นในผู้ที่มีภาวะตับแข็ง ตับอักเสบจากไขมันพอกตับ หรือติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B หรือ C รวมถึงยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ การได้รับสารอะฟลาท็อกซิน และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
อาการที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน คือท้องบวมน้ำ ปวดท้องบริเวณด้านขวาบน พุงป่องเหมือนคนท้อง ผิวหนังและตาเหลือง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
โรคไวรัสตับอักเสบ
สาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่าง ๆ เช่น A, B, C, D และ E ซึ่งแต่ละชนิดมีวิธีการติดต่อที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ไวรัสตับอักเสบ A ติดต่อทางอาหาร หรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค มีอาการไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน และตัวเหลืองเป็นดีซ่าน
- ไวรัสตับอักเสบ B ติดต่อทางเลือด เพศสัมพันธ์ จากมารดาสู่ลูก ส่งผลให้เกิดอาการตับอักเสบรุนแรง อาจพัฒนาไปเป็นโรคตับ และโรคมะเร็งตับได้ในที่สุด
- ไวรัสตับอักเสบ C ติดเชื้อทางเลือด เพศสัมพันธ์ ซึ่งก่อให้เกิดอาการตับอักเสบรุนแรง เสี่ยงที่จะกลายเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับได้
- ไวรัสตับอักเสบ D ติดเชื้อทางเลือด โดยผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ D ได้ง่าย หากติดเชื้อแล้วมักเสี่ยงที่จะเกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน อีกทั้งผู้ป่วยในภาวะเรื้อรังรุนแรง ยังเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้
- ไวรัสตับอักเสบ E เกิดจากทานอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น เนื้อหมู สัตว์ปีก ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ตัวเหลือง และตาเหลืองได้
การวินิจฉัยภาวะท้องบวม ท้องป่อง ว่าเกิดจากโรคอะไร ?
สำหรับคนที่มีอาการท้องป่องหรือพุงป่องเหมือนคนท้อง ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยแพทย์จะทำการตรวจเพื่อวินิจฉัยด้วยวิธีการเหล่านี้
- การอัลตราซาวนด์ ใช้เพื่อตรวจดูโครงสร้างของอวัยวะในช่องท้อง เช่น ตับ ไต และม้าม
- การตรวจปัสสาวะ ช่วยวินิจฉัยการทำงานของตับ ไต และระบบทางเดินปัสสาวะ
- การตรวจโลหิต ตรวจค่าการทำงานของตับ เช่น ค่าเอนไซม์ตับ และการติดเชื้อไวรัส
- การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่วยสร้างภาพที่ชัดเจนของอวัยวะในช่องท้อง
- การตรวจด้วยการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ใช้เพื่อตรวจหาความผิดปกติของเนื้อเยื่อตับและอวัยวะใกล้เคียง
วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง ลดความเสี่ยงจากโรคที่ทำให้ท้องป่องหรือท้องบวม
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลดอาหารไขมันสูง และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงบริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
- ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยา เพราะยาบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงกับตับ และควรใช้ยาเท่าที่จำเป็น
- ออกกำลังกาย อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาที เพื่อควบคุมน้ำหนักและลดไขมันในช่องท้อง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด ทำกิจกรรมให้จิตใจแจ่มใส ผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง ฟังเพลง และอ่านหนังสือ
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อหาความเสี่ยงของโรค และรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
อาการพุงโตเสี่ยงไขมันพอกตับ ปัญหาสุขภาพที่ไม่ควรละเลย เริ่มต้นดูแลตัวเองวันนี้ด้วยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและตรวจร่างกายเป็นประจำ และเราขอแนะนำ Livplus อาหารเสริมโรคตับที่พัฒนาขึ้นจากการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง ด้วยส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับใน 3 ระบบสำคัญ ได้แก่ ระบบการทำงานของตับ ระบบทางเดินอาหาร และระบบประสาทและสมอง ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการยอมรับจากร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมด้วยผลลัพธ์การใช้จริงจากผู้บริโภคที่พิสูจน์ประสิทธิภาพมาแล้วกว่า 7 ปี
อย่าปล่อยให้ตับของคุณต้องทำงานหนักโดยไม่ได้รับการดูแล เริ่มต้นฟื้นฟูตับของคุณวันนี้กับ Livplus สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้แล้ววันนี้ที่หน้าเว็บไซต์ หรือทักแชตมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Livplusthailand หรือ Line OA: @Livplusthailand
ข้อมูลอ้างอิง
- ท้องมาน เมื่อการทำงานของตับผิดปกติ ส่งผลให้พุงใหญ่คล้ายตั้งครรภ์. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 จาก https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/Ascites-liver-Function-Abnormal-Result-Large-Belly-like-Pregnant